Skip to main content

ชุมชนเชียงรายและเชียงใหม่กำลังกังวลกับการปนเปื้อนโลหะหนักอย่างสารหนูในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และน้ำรวกที่ไหลลงสู่โขง ซึ่งตรวจพบเกินมาตรฐาน สถาบันองค์ความรู้ท้องถิ่นโฮงเฮียนแม่น้ำของจึงจัดกิจกรรม “นักสืบสารหนู” ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา เพื่อให้เยาวชนเรียนรู้การตรวจสอบคุณภาพน้ำ ฝึกทักษะวิทยาศาสตร์พลเมือง และร่วมกับชุมชนเสนอแนวทางปกป้องแม่น้ำ กิจกรรมนี้ยังเป็นการสร้างพลังให้เยาวชนและชาวบ้านลุกขึ้นเขียนจดหมายสื่อสารทั้งความรู้สึกและข้อเท็จจริง เพื่อเรียกร้องให้ผู้นำร่วมแก้ไขปัญหาที่ชุมชนไม่อาจจัดการได้เอง.

เชียงของ, เวลา 09.00-16.00 น. วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา สถาบันองค์ความรู้ท้องถิ่นโฮงเฮียนแม่น้ำของ ได้ร่วมกับ มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา และองค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จัดงานรณรงค์สื่อสารความห่วงใยต่อแม่น้ำและผู้คน จากกรณีการปนเปื้อนของสารโลหะหนักจากเหมืองเถื่อนข้ามแดนในต้นแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง  โดยการ “เขียนจดหมายถึง ฯพณฯ ท่านผู้นำ” ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์, ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นายสี จิ้นผิง, นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโทนี แอลบานีส, เลขาธิการแห่งสหประชาชาติ นาย อังตอนียู กูแตรึช และผู้นำของแต่ละประเทศในลุ่มน้ำโขง โดยมีเยาวชนอายุไม่เกิน 25 ปี เข้าร่วม 56 คน ครู อาจารย์ นักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชนรวมทั้งสิ้น   78 คน

เครดิตภาพ : กิตติ ตรีราช

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ผู้อำนวยการสถาบันองค์ความรู้ท้องถิ่นโฮงเฮียนแม่น้ำของ กล่าวว่า ‘ปัญหาสารพิษในแม่น้ำโขงเป็นวิกฤติใหญ่ที่สุดในรอบสามสิบปี เพราะไม่เพียงทำลายความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังสะสมในน้ำ ปลา และพืชผล จนกระทบต่อห่วงโซ่อาหารและสุขภาพของคนในพื้นที่ แม่น้ำกก น้ำสาย น้ำรวก รวมถึงแม่น้ำในพม่าและลาวกำลังรับสารพิษจากเหมืองที่ไม่ได้มาตรฐาน ทั้งสารหนู แคดเมียม ปรอท และตะกั่ว ซึ่งสารเหล่านี้ไม่หายไปไหนแต่สะสมต่อเนื่อง ทำให้วิถีชีวิตและความมั่นคงทางอาหารของชุมชนเสื่อมถอยลงอย่างหนักและส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว

เขาย้ำว่าคนรุ่นใหม่ต้องมีโอกาสส่งเสียงถึงผู้นำโลก เช่น จีน สหรัฐฯ และยูเอ็น ผ่านการเขียนจดหมายเล่าปัญหาและผลกระทบ เพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาข้ามพรมแดน เพราะชุมชนท้องถิ่นไม่สามารถแก้ได้เอง การเคลื่อนไหวนี้จะไม่หยุดเพียงแค่นี้ แต่จะขยายจากโรงเรียนในเชียงของไปยังพื้นที่อื่น รวมถึงเยาวชนชาติพันธุ์และผู้สูงอายุ เพื่อร่วมกันบอกเล่าและผลักดันให้สังคมโลกตระหนักว่า นี่ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่คืออนาคตของลูกหลานและความอยู่รอดของทุกชีวิตริมแม่น้ำโขง’

เครดิตภาพ : นเรศร์ คำมูลวงศ์

นายนพรัตน์ ละมุล ผู้จัดการโครงการเยาวชนแม่น้ำโขง กล่าวว่า ‘ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา เยาวชนโครงการนักสืบสารหนูฯ ได้ติดตามตรวจวัดคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก สาย รวก และโขง รวมถึงน้ำประปาเชียงของ พบว่ามีสารหนูปนเปื้อนในบางช่วง แต่ไม่เกินมาตรฐาน และสองเดือนล่าสุดไม่พบเลย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากการประปายังตรวจพบสารหนูในเดือนพฤศจิกายน แสดงว่าสถานการณ์ยังไม่สิ้นสุด นอกจากนี้ยังตรวจวัดค่าอื่น ๆ เช่น กรด-ด่าง อุณหภูมิ ของแข็งละลายน้ำ และแอมโมเนีย เพื่อให้เห็นภาพรวมของคุณภาพน้ำที่คนในพื้นที่ใช้อยู่จริง

ปัญหาหลักเชื่อมโยงกับการทำเหมืองจำนวนมาก ทั้งเหมืองอุโมงค์ เหมืองอ่างสารเคมี และเหมืองริมน้ำ ซึ่งกระจายอยู่ทั่วลุ่มน้ำ โดยข้อมูลดาวเทียมพบว่าในภูมิภาคมีเหมืองกว่า 2,400 แห่ง และในลุ่มน้ำโขงกว่า 800 แห่ง หลายแห่งไม่ได้ทำอีไอเอหรือขออนุญาตถูกต้อง ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมและน้ำดื่มของชุมชน แม้รัฐบาลไทยและพม่าจะตั้งคณะกรรมการแก้ไข แต่ข้อจำกัดทางพื้นที่และอำนาจรัฐยังทำให้ปัญหายืดเยื้อ จึงจำเป็นต้องสื่อสารข้อห่วงใยนี้ต่อผู้นำในระดับภูมิภาคและโลกเพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างจริงจัง’

เครดิตภาพ : นเรศร์ คำมูลวงศ์

ตัวแทนเยาวชน ดิษย์วรินทร์ ปริญญา-โป้เต้ กล่าวว่า ‘เรื่องสารหนูเป็นเรื่องใกล้ตัว มันเป็นเรื่องการใช้น้ำของพวกเราทั้งหมด คนเชียงของ คนเชียงราย ได้รับผลกระทบกันทุกคนเลย เราทำอะไรมากไม่ได้ เหมืองเป็นของทางฝั่งโน้น ให้ดีอยากให้เขาหยุดเจาะหาแร่แรร์เอิร์ท แร่อะไรพวกนั้น เพราะสารเคมีมันไหลลงไปในน้ำ มันส่งผลกระทบต่อคนที่อยู่ริมฝั่งโขงทุกคน ทั้งการทำนา ปลูกข้าว ทั้งเรื่องการหาปลาของชาวประมง มันมีข่าวสารหนู จนคนซื้อเขาไม่อยากซื้อกัน ไม่อยากกินปลา ชาวประมงจึงขาดรายได้’

โปเต้ อธิบายเพิ่มเติมว่า ‘การตรวจด้วย Test kit อาจมีผลคลาดเคลื่อนบ้าง ต่างจากการตรวจในห้องแล็บ

ขณะที่ตัวแทนเยาวชนอีกคน อัษฏายุธ มูลเพชร-อินเตอร์ เล่าว่า ‘เครื่องดิจิตอลสามารถวัดค่า DO กรด-ด่าง และเกลือ พบสารหนูตรงแพริมน้ำโขงก่อนถึงแหล่งน้ำดิบของการประปาเชียงของ และที่คอนผีหลงก็พบเพราะใกล้เหมือง’

นางสาวมาลี พัฒนประสิทธิ์พร ผู้ประสานงานโครงการเยาวชนแม่น้ำโขง  กล่าวเสริมว่า ‘จุดตรวจมี 7 แห่ง เช่น ปากน้ำรวก บ้านสบกก บ้านปงของ และคอนผีหลง โดยพบค่าสารหนู 0.005–0.01 มก./ลิตร ไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่รัฐบาลกลับปรับมาตรฐานเป็น 0.05 ตามพม่า จึงขอตั้งคำถามว่านี่คือการแก้ปัญหาจริงหรือ? พร้อมเชิญชวนโรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษกและโรงเรียนเชียงของวิทยาคมร่วมสื่อสารข้อห่วงใยผ่านงานเขียน งานวาด และเพลง เพื่อส่งสารถึงผู้มีบทบาทรับผิดชอบ’

เครดิตภาพ : นเรศร์ คำมูลวงศ์

นางสาว เบญจพร อินทร์งาม เจ้าหน้าที่โครงการสภาผู้นำเยาวชนสำหรับการดำเนินงานด้านเพศภาวะ และสภาพภูมิอากาศ องค์กรแพลนอินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย เล่าถึง ‘ความแตกต่างระหว่าง “ภัย” และ “ภัยพิบัติ” ว่าเหตุการณ์อาจเหมือนกันแต่ผลกระทบต่างกัน เช่น ไฟไหม้บ้านไม่กี่หลังเป็นภัย แต่ไฟไหม้ทั้งหมู่บ้านคือภัยพิบัติ ปัญหาสารหนูในแม่น้ำโขงที่ลุกลามตั้งแต่ท่าตอนถึงเชียงของจึงถือเป็นภัยพิบัติ เพราะกระทบต่อชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม

เครดิตภาพ : คาเลย์ เคลเมนต์ส

‘กิจกรรมที่น้องๆ ทำอยู่เป็นกิจกรรมที่ดี ต่อสิ่งแวดล้อม ไม่พอ มันยังสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงผลกระทบที่เราได้รับนั้น เช่น มลพิษในน้ำ มันไปสู่น้ำที่เราใช้ เรากิน เราดื่มน้ำนั้นด้วย ขอบคุณที่เราได้มาส่งเสียงร่วมกันไปสู่ภูมิภาคและเวทีระดับโลก เพื่อให้คนได้รับรู้ว่า เด็ก เยาวชนในเชียงรายได้รับผลกระทบจากการกระทำของนายทุน โดยที่เขาได้ผลประโยชน์ไปจากการทำธุรกิจของเขา แต่มันมีผลกระทบกับเราคนที่อยู่ปลายน้ำด้วย’

เครดิตภาพ : นเรศร์ คำมูลวงศ์

พระมหานิคม มหาภิกขมฺโน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าตอน ตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบจากเชียงใหม่ กล่าวว่า ‘การตระหนักว่าทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะแม่น้ำกกและแม่น้ำโขง เป็นสมบัติที่เหลือไว้ให้เยาวชนในวันนี้ใช้และดูแลต่อไป แต่ปัจจุบันกลับถูกทำลายด้วยสารพิษจากธุรกิจและเหมืองแร่ที่ประเทศรอบข้างปล่อยลงมา ทำให้ผู้คนทุกวัยได้รับผลกระทบโดยไม่รู้ตัว หากเราไม่รู้จักปัญหาที่แท้จริง ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญอะไร เราก็ไม่สามารถสร้างอนาคตที่มั่นคงได้ การเรียนรู้จึงต้องไม่ใช่แค่ความรู้ในตำรา แต่ต้องเรียนรู้ชีวิตจริง สิ่งแวดล้อม และผลกระทบที่เกิดขึ้น เพื่อให้เรายืนได้มั่นคงในปัจจุบันและก้าวไปสู่อนาคตที่ดี

สิ่งสำคัญที่สุดคือความสามัคคีและการสร้างคนดีให้มากขึ้น เพราะเมื่อร่วมแรงร่วมใจ ปัญหาหนักก็จะเบาลง สิ่งยากก็จะง่ายขึ้น หากขาดความสามัคคีแม้เรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เราต้องพึ่งตนเองและหาคนดีไว้เป็นเพื่อนให้มาก เพื่อสร้างสังคมที่สุจริตและเข้มแข็ง การรักษาแม่น้ำและสิ่งแวดล้อมจึงไม่ใช่เรื่องของใครคนเดียว แต่เป็นการบ้านตลอดชีวิตของเยาวชนทุกคนที่จะต้องส่งไม้ต่อ ร่วมกันเรียนรู้และแก้ไข เพื่อให้แม่น้ำกลับมาสะอาดเพื่อชีวิตของเราที่ยั่งยืนต่อไป’

เครดิตภาพ : นเรศร์ คำมูลวงศ์

ผศ. ดร.เสถียร ฉันทะ อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวว่า ‘ผลตรวจเลือดประชากรตัวอย่าง 322 คนที่ใช้แม่น้ำกก พบว่าทุกคนมีสารหนูในร่างกาย โดยเฉลี่ย 19.48 มิลลิกรัมต่อลิตร แม้จะมีเพียง 7 คนที่เกินค่ามาตรฐาน 100 มิลลิกรัม/ลิตร แต่ความจริงคือทุกคนได้รับสารหนูแล้ว เพียงแต่ยังไม่ถึงระดับอันตรายสูงสุด ข้อมูลนี้สะท้อนว่าประชากรทั้งหมดกำลังเผชิญภัยเงียบจากการสะสมสารพิษในร่างกาย

หากปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ระดับสารหนูจะสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาจทำให้ผู้คนเริ่มเจ็บป่วยในอีก 5–10 ปีข้างหน้า ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของแต่ละบุคคล สิ่งนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกคนตระหนัก ลุกขึ้นส่งเสียง และร่วมมือกันหาทางแก้ไข เพื่อปกป้องสุขภาพของเราในวันนี้และอนาคต’

จากการซักถามของเยาวชนภายในงาน ผศ. ดร.เสถียร ฉันทะ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ‘สารหนูแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สารหนูอินทรีย์ซึ่งร่างกายสามารถขับออกได้ตามธรรมชาติ และสารหนูอนินทรีย์ ที่เป็นพิษและขับออกได้ยาก ทำให้เกิดการสะสมในร่างกาย หากได้รับมากต้องใช้การรักษาทางการแพทย์ 

สำหรับการปนเปื้อนในแม่น้ำโขง แม้ยังไม่ได้ตรวจที่เวียงแก่นโดยตรง แต่จากผลตรวจหลายพื้นที่พบสารหนูทุกจุด จึงมีโอกาสสูงที่เวียงแก่นก็อาจจะได้รับผลกระทบเช่นกัน ส่วนการขับออกโดยไม่ใช้ยา เช่น สมุนไพรอย่างรางจืด อาจช่วยขับออกทางปัสสาวะได้บ้าง แต่ยังต้องมีการศึกษาทดลองเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลที่แน่ชัด’

เครดิตภาพ : นเรศร์ คำมูลวงศ์

ผศ. ดร. ฐิติพร สุวรรณวงค์ และ ผศ.ดร. พัชรนันท์ โชโต  สาขาเคมีประยุกต์ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง  พูดคุยแลกเปลี่ยนกับเยาวชนว่า ‘สารหนูมีอยู่สองรูปแบบหลักคือ As3+ และ As5+ โดย As3+ อันตรายกว่ามาก เพราะจับกับร่างกายได้ง่ายและขับออกยาก นักเคมีจึงใช้กระบวนการออกซิเดชันเปลี่ยน As3+ ให้เป็น As5+ เพื่อลดความรุนแรง และทำให้ตกตะกอนในน้ำ ซึ่งต้องมีการบำบัดก่อน ไม่สามารถนำตะกอนมากินได้ วิธีทางเคมีที่ช่วยได้คือการพัฒนาตัวกรองหรือวัสดุดูดซับเพื่อดักจับสารหนูและโลหะหนักอื่นๆ เช่น ปรอท

ร่างกายมีระบบเมทาบอลิซึมหรือสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยขับสารพิษออก แต่ไม่มากพอ โดยสารหนูในร่างกายไม่ควรเกิน 20 ppm ขณะที่น้ำเสียพบเกินค่ามาตรฐาน แม้จะขับออกได้ยาก ทางที่ดีคือหลีกเลี่ยงการรับเข้าไป เพราะโลหะหนักอาจทำให้เกิดการกลายพันธุ์และโรคมะเร็งในอนาคต การกินอาหารควรหลากหลายไม่ซ้ำเดิมเพื่อลดการสะสม และมีข้อสังเกตว่าสารหนูสามารถจับกับแอลกอฮอล์ได้ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยขับออกอย่างปลอดภัย’

กิจกรรมสำคัญในภาคบ่ายคือการ “เขียนจดหมายถึง ฯพณฯ ท่านผู้นำ” บริเวณลานถนนริมแม่น้ำโขงใต้ร่มไม้ใหญ่ เริ่มจากแบ่งเยาวชนเป็นห้ากลุ่ม ให้ระบุสถานการณ์ปัญหาที่พวกเขาเผชิญอยู่แล้วให้ช่วยเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา และสุดท้ายเยาวชนต้องกลั่นเอาสองส่วนนี้มากลั่นเป็นจดหมายร่วมกันได้ 5 ฉบับ และสถาบันองค์ความรู้ท้องถิ่นโฮงเฮียนแม่น้ำของจะแปลและนำส่งผ่านสถานฑูตของแต่ละประเทศต่อไป

จดหมายถึง ฯพณฯ ท่านผู้นำ ฉบับที่ 1:

เรื่อง: เสียงร้องขอชีวิตจากลูกหลานแม่น้ำโขง

เรียน: ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน สี จิ้นผิง, ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัล ทรัมป์, นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโทนี แอนบานีส, เลขาธิการสหประชาชาติ อังตอนียู กูแตรึช และผู้นำประเทศในลุ่มน้ำโขง

พวกเราคือเยาวชนลูกแม่น้ำโขง เป็นลูกหลานของชาวบ้านในจังหวัดเชียงรายประเทศไทย บ้านของเราอยู่ติดแม่น้ำโขงซึ่งไหลเชื่อมโยงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อก่อนแม่น้ำโขงมีน้ำที่สะอาดและใส สามารถใช้ในชีวิตประจำวัน อาบน้ำ หรือจับปลา ใช้ในการเกษตร โดยไม่ต้องกังวลสารหนู ในปัจจุบันกลับพลิกผัน มีสารพิษเข้ามาปนเปื้อนในแม่น้ำ จึงไม่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน

จึงอยากขอร้องให้ท่านได้โปรดเห็นใจ ตรวจสอบและหยุดยั้งสารพิษจากเหมืองแร่ ที่กำลังทำลายแม่น้ำของพวกเรา

ด้วยความเคารพและหวังใจ

ลงชื่อกลุ่ม 1: น้ำอิง, บิว, แอม, กุ้ง, ชม, ธนภา, ฟลุ๊ค, โปร่ง, โฟม, ออม

จดหมายถึง ฯพณฯ ท่านผู้นำ ฉบับที่ 2 :

เรื่อง : เสียงร้องขอชีวิตจากลูกหลานแม่โขง

เรียน :   ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน สี จิ้นผิง, ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัล ทรัมป์, นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโทนี แอนบานีส, เลขาธิการสหประชาชาติ อังตอนียู กูแตรึช และผู้นำประเทศในลุ่มน้ำโขง

พวกเราคือ เยาวชนลูกแม่น้ำโขง เป็นลูกหลานชาวบ้านในจังหวัดเชียงราย ประเทศไทย บ้านของพวกเราอยู่ติดกับแม่น้ำโขง ซึ่งไหลเชื่อมโยงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน

            ในอดีตแม่น้ำสายนี้ใสสะอาดไหลหล่อเลี้ยงชีวิตพวกเรา  แต่ตอนนี้ แม่น้ำสายนี้ กลับเจอสารพิษปนเปื้อนอยู่ในแม่น้ำ ทำให้ชาวบ้าน ที่ใช้ชีวิตอยู่ละแวกนี้ ประสบปัญหาสุขภาพ และส่งผลต่อการเกษตรและการประมง พวกเราจึงอยากสะท้อนปัญหาที่ได้รับ ให้ท่านผู้มีอำนาจ และและสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ  จึงอยากขอร้องให้ท่านได้โปรดร่วมมือกับผู้นำประเทศอื่นๆ เพื่อตรวจสอบและหยุดยั้งสารพิษจากเหมืองแร่

ด้วยรักและเคารพ

รุจรา ไชยมะณี  โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก  

นิชาธาร ไชยลังกา โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก  

สุภัสสรา ตันแก้ว โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก   

เดชนรินทร์ คำนวน โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก  

หทัยชนก ฐิติธนานุกิจ  โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก    

จิรภัทร ตาผง โรงเรียนเชียงของวิทยาคม 

วิชญาดา แสนแทน โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

มิญาวรรณ นันทิโย   โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

สุธีมา กุกสันเทียะ  โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

จักริน กะโห้เทม โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

จดหมายถึง ฯพณฯ ท่านผู้นำ ฉบับที่ 3 :

เรื่อง : ชีวิตคนมีค่าน้อยกว่าแร่หรอ?

เรียน :    ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน สี จิ้นผิง, ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัล ทรัมป์, นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโทนี แอนบานีส, เลขาธิการสหประชาชาติ อังตอนียู กูแตรึช และผู้นำประเทศในลุ่มน้ำโขง

พวกผม คือลูกหลานชาวโขง อายุไม่เกิน 18 ปี บ้านอยู่ติดริมแม่น้ำโขง ปู่ย่าตายาย บอกไว้ เมื่อก่อนน้ำโขง สามารถดื่มได้ อาบได้ ใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่ปัจจุบัน ได้มีการทำเหมืองแร่ที่ต้นแม่น้ำ น้ำที่เคยใส เริ่มขุ่นและมีสีผิดปรกติ ทำให้น้ำจากที่อาบได้ ดื่มได้ ปนเปื้อนสารพิษ

พวกผมจึงอยากขอร้องให้ท่านได้โปรดร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เพื่อตรวจสอบและหยุดยั้งสารพิษจากเหมืองแร่

“ชีวิตคน มีค่าน้อยกว่าแร่หรือ?”

ลงชื่อ ผู้อาศัยในแม่น้ำโขง

นายอัฏทาวุธ มูลเพชร โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

นางสาว สายฝน แซ่ราจา โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

นางสาว อริสา พิมพ์พิจารณ์  โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

นายนรากรณ์ นิมิตวรพจน์ โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

นางสาว ยีซือ ต้น โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

นาย จุลจักร กำจัด โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

นางสาว ชลธิชา แซ่หลิว โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

นายจิรภัทร์ มูลวงค์ โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

เด็กชาย ซีฮวัน ปาร์ค โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

เด็กหญิง ธัญพิชชา ผะใจ โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

จดหมายถึง ฯพณฯ ท่านผู้นำ ฉบับที่ 4 :

เรื่อง :      เสียงร้องขอชีวิตลูกหลานแม่น้ำโขง

รียน :     ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน สี จิ้นผิง, ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัล ทรัมป์, นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโทนี แอนบานีส, เลขาธิการสหประชาชาติ อังตอนียู กูแตรึช และผู้นำประเทศในลุ่มน้ำโขง

พวกเรา กลุ่มเยาวชน แม่โขง เป็นประชาชนที่อยู่ใน  จ.เชียงราย อ.เชียงของ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับแม่น้ำโขง

ปู่ย่าตายาย เล่าว่า เมื่อก่อนแม่น้ำสายนี้ใสสะอาด เปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิต พวกเราเคยเล่นน้ำ ดื่มกิน และเคยจับปลามาทำอาหารได้อย่างปลอดภัยแต่ในวันนี้ทุกอย่างมันได้เปลี่ยนไปแล้ว

ตั้งแต่มีการทำเหมืองแร่ที่ต้นน้ำ น้ำที่เคยใส เริ่มขุ่น และสีผิดปกติ ผู้ใหญ่บอกว่ามีสารพิษปนเปื้อน ผิวหนังของพวกเราเริ่มคันเมื่อสัมผัสน้ำ ปลาที่เคยว่ายน้ำเริ่มหายไป ทำให้พวกเรา ไม่กล้าใช้แหล่งน้ำนี้อีกแล้ว พวกเรากลัวว่าในอนาคต แม่น้ำสายนี้จะกลายเป็นแม่น้ำที่ตาย แล้วพวกเราจะอยู่อย่างไร หากไม่มีน้ำสะอาด

ด้วยความเคารพและมีความหวัง

ลงชื่อ กลุ่มเยาวชน แม่โขง #  4

ไอติม มิกกี้ โตโต้ โอบ เดย์ดี้ นาเนีย วีนัส บูม จี้จ้า แบม  และบูดู

วรพงศ์ ไชยลังการ โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

ธีรภัทร เกิดพนัง โรงเรียนเชียงของวิทยาคม

สรัญญา สารคาม โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

ณัฐภร สภูยศ โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

ชญานันท์ สุวรรณทา โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

ณัฐชยา นุธรรม โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

จณิสตา ระจัน โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

นัธทภัสร์ คำนวน โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

ธนบดี ขันธพันธ์ โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

สิริวุฒิ พรมเมือง โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

บูมิบุตรา ละมุล บ้านเรียน BD เพลินแอนด์เลิร์น

จดหมายถึง ฯพณฯ ท่านผู้นำ ฉบับที่ 5 :

เรื่อง :      “เสียงเรียกร้องของแม่น้ำ”

เรียน :    ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน สี จิ้นผิง, ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัล ทรัมป์, นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโทนี แอนบานีส, เลขาธิการสหประชาชาติ อังตอนียู กูแตรึช และผู้นำประเทศในลุ่มน้ำโขง

พวกเรานักเรียนโรงเรียนเชียงของวิทยาคมและห้วยซ้อวิทยาคม ซึ่งมีความสัมพันธ์กับแม่น้ำโขง  เมื่อก่อนแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำที่ใสสะอาด ชาวบ้านหาปลา เก็บไกเป็นวิถีชีวิต  ในช่วงฤดูร้อนทั้งเด็กเล็กเด็กโตก็จะชวนกันไปเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่ต้องกังวลว่ามีสารพิษใดใดในแม่น้ำ  วิถีชีวิตต่างๆ ก็เริ่มไม่เหมือนเดิม รายได้ลดลง ความสุขของเด็กหลายคนที่อยู่กับแม่น้ำเริ่มหายไป ปลาที่ปลอดภัยในอดีตก็มีสารหนูตกค้างที่เข้ามาทำลายชีวิตปลาและระบบนิเวศของน้ำ

พวกเราทราบว่าท่านเป็นผู้ที่มีอำนาจ และเชื่อว่าสามารถเปลี่ยนแปลงแม่น้ำนี้ให้กลับมาใสสะอาดได้อีกครั้ง

จึงขอร้องให้ท่านโปรดร่วมมือกับผู้นำในประเทศอื่นๆ เพื่อลงมาตรวจสอบและยับยั้งสารพิษจากเหมืองแร่ที่ทำลายแม่น้ำของพวกเรา

ด้วยความเคารพและมีความหวัง

ลงชื่อ

นางสาวสิริมณี วิเศษณ์ อายุ 17 ปี โรงเรียนเชียงของวิทยาคม 

นายวรากร ปังเมือง อายุ 16 ปี โรงเรียนเชียงของวิทยาคม 

นางสาวปริตา สินะพรม อายุ 16 ปี โรงเรียนเชียงของวิทยาคม 

นางสาว ชญาณิศ สายอุปราช อายุ 16 ปี โรงเรียนเชียงของวิทยาคม 

เด็กหญิงสุพิชญา ราชคม อายุ 14 ปี โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

เด็กหญิงปรัชญา พลไธสงค์ อายุ 14 ปี โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

นางสาว ณัฐชานันท์ พุทธสาร อายุ 15 ปี โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

นางสาว วิภาวรรณ ยั่งยืน อายุ 16 ปี โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

นางสาว รัตนาพร เนตรนันไชย อายุ 15 ปี โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

นาย ชลกร ปอระมะ อายุ 16 ปี โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก

Share/แชร์

Leave a Reply