Skip to main content

การปนเปื้อนของโลหะหนักในแม่น้ำโขงจากเดือนพ.ค.-ก.ย 2568 เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง

รายงานการไปวัด…คุณภาพน้ำของเยาวชนแม่น้ำโขง สถาบันองค์ความรู้ท้องถิ่นโฮงเฮียนแม่น้ำของ ประจำเดือน กันยายน 2568

สารพิษยังคงอยู่หากไม่ปิดเหมืองแร่ต้นน้ำ… (เยาวชนลงพื้นที่ปากแม่น้ำรวกเพื่อติดตามคุณภาพน้ำประจำเดือน)

วันเสาร์ที่ 6 และวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา (เชียงราย) สถาบันองค์ความรู้ท้องถิ่นโฮงเฮียนแม่น้ำโขงยังเปิดรับและขับเคลื่อนห้องทดลองเคลื่อนที่ประจำเดือนกันยายน ซึ่งเป็นเดือนที่ห้าของอาสาสมัครเยาวชน นักเรียน มัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนเชียงของวิทยาคม และโรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคมรัชมังคลาภิเษก ร่วมกับอาสาสมัครสถาบันฯ มุ่งติดตามเก็บตัวอย่างและตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง จากสบรวก สามเหลี่ยมทองคำ ถึงแก่งผาได 

เรานัดหมายกันแต่เจ็ดโมงเช้าเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงความคาดหวัง ​ สถานการณ์​แม่น้ำโขง​ ทั้งเรื่อง เขื่อนพลังงานไฟฟ้า​ เรื่องสารพิษ​ปนเปื้อน​จากเหมืองต้นน้ำ, เรื่องหมอกควัน​ ล้วนเป็นปัญหาข้ามพรมแดนรัฐชาติ​ มันเป็นปัญหา​ใหญ่ในภูมิภาค​ลุ่มน้ำโขง​ และสะท้อนปัญหาระดับโลก พร้อมแจ้งข่าวสำคัญที่เพื่อนของเราได้ใช้ดาวเทียมสืบค้นหาว่า พบเหมืองแร่หายาก 57 แห่ง ในลุ่มแม่น้ำโหลย ทั้งที่ใช้งานอยู่และไม่ได้ใช้งานแล้ว 31 แห่งในรัฐว้า และ 26 แห่งในดินแดนกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (National Democratic AllianceArmy – NDAA หรือ กองทัพเมืองลา)” ข่าวนี้สอดคล้องกับรายงานของมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ (SHRF) ออกแถลงการณ์วันที่ 25 ส.ค. 2568 เปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียม เมื่อเดือน พ.ค. 2568 และวีดีโอคลิปเพิ่มเติม ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีเหมืองแรร์เอิร์ธ 19 แห่งในเขตเมืองยอง ภาคตะวันออกของรัฐฉาน ภายใต้การควบคุมของกองทัพเมืองลา อันเป็นการยืนยันของการมีอยู่ของเหมืองต้นน้ำที่อยู่เหนือสบรวกไปอีกประมาณ 125 กม. เป็นปากแม่น้ำโหลยไหลลงสู่แม่น้ำโขง…

ภาพเครดิตจาก สติมสันเซ็นเตอร์ : แสดงการพบเหมืองแร่ต้นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำโหลย และแม่น้ำอื่นๆ ในพื้นที่ตอนเหนือของสามเหลี่ยมทองคำ โดยใช้แหล่งข้อมูลเปิดและภาพถ่ายดาวเทียมมาวิเคราะห์ พบเหมืองแร่หายาก (Rare Earth) (จุดสีส้ม) เหมืองทอง(จุดสีตองอ่อน), ถ่านหิน(จุดสีน้ำตาล), เหมืองทองและทองแดง(จุดสีฟ้าอ่อน), โปแตซ, ซีเมนต์ และเหมืองอื่น ยังระบุไม่ได้(สีฟ้า) พบเหมืองเหล่านี้จำนวนมาก รวมถึงในพื้นที่เชียงขวางของลาวด้วย

 

สถานีวัดน้ำของเรา วันที่ 6 กันยายน อากาศดีโน้มไปทางร้อน ฟ้าเป็นสีฟ้า ในบันทึกของอาสาสมัครน้องหล้า ดช.บูดู เล่าภาพจุดวัดน้ำจุดแรกว่า “ฟ้าเป็นสีฟ้ามีเมฆอยู่บริเวณขอบฟ้าเล็กน้อย น้ำลดระดับลงจนเห็นดินโคลน น้ำสีขุ่นข้น มีเสียงนก เสียงเรือ เสียงรถ ลมพัดเย็นสบาย นกพิราบดำ บินไปตรงระเบียงริมน้ำ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำจะเห็นต้นหญ้าที่ถูกน้ำท่วม เป็นสีน้ำตาลแยกออกจากต้นอื่นๆ อย่างชัดเจน (เขียว) มีขยะลอยมากับน้ำ…” เช่นเดียวกันกับบันทึกของพี่แพรว พี่แพรวา พี่ภูมิ พี่โปเต้ ต่างบอกว่า จุดนี้ต้นไม้ริมฝั่งยังเขียวน้ำลดเห็นโคลน แม่น้ำเชี่ยว กิ่งไม้และขยะลอยมากับน้ำ มีสิ่งมีชีวิตคือปลา คนตกปลา มีแมลง มด และขยะในซอกหินของพนังกันตลิ่ง..

ขณะเราเตรียมจัดตั้งเครื่องมือและเก็บน้ำตัวอย่างแล้วรอผลการตรวจวัดค่าการตรวจวัด เราได้ยินบทสนทนาสำคัญระหว่างอาสาสมัครมัคคุเทศก์ของโฮงเฮียนแม่น้ำของกับชาวบ้านที่นั่งอยู่ ณ ศาลาท่าเรือ ว่ามีหลายหน่วยงานมาตรวจวัดน้ำ รวมทั้งเจาะเลือดเอาไปตรวจความปนเปื้อนด้วย แต่ไม่ทราบว่าผลออกมาเป็นอย่างไร?

จุดท่าเรือศรีวรรณ ปากน้ำรวกเป็นจุดที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่สองท่าเรือริมแม่น้ำโขงใกล้องค์พระ “พระพุทธนวล้านตื้อ” (พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน) สามเหลี่ยมทองคำ ทางลงนักท่องเที่ยวกำลังรอลงเรือ เราลงไปเก็บน้ำที่แพ น้ำในแม่น้ำโขงไหลแรงและวน สีน้ำขุ่น มีเศษไม้ ขยะลอยน้ำ นำน้ำมาตรวจที่ใต้องค์พระมีร่องรอยดินโคลนคราบสูงของช่วงน้ำท่วมใหญ่ในเดือนกันยายน ปีที่แล้ว (2567) ขณะที่พวกเราต่างวัดค่าน้ำใกล้เสร็จ เรือสินค้าจีน Maoyuan 2 แล่นผ่านมา คลื่นกระแทกฝั่งอย่างแรง มีเสียงนกน้อยมาก ส่วนใหญ่มีแต่เสียงเรือ แดดร้อน แทบไม่มีลม ต้นไมยราบยักษ์ริมน้ำมีขยะห้อยเต็มไปหมด ขยะไปติดอยู่ตามโป๊ะจำนวนมาก เมฆบริเวณขอบฟ้าเริ่มสูงขึ้น

จุดที่หนึ่งเราได้ตรวจวัดค่าสารหนูมาแล้ว 4 ครั้งในวันที่ 8 มิ.ย., 6 ก.ค., 9 ส.ค. และ 6 ก.ย. พบค่าสารหนูอยู่ที่ 0.005 mg/l ถึงสองครั้งคือในเดือน 6 ก.ค. และ ครั้งนี้ 6 ก.ย. อย่างไรก็ตาม เราไม่พบค่าสารหนูในวันที่ 8 มิ.ย. และ 9 ส.ค. 

ยาวชนนักสืบของเราได้ตรวจสอบคุณภาพน้ำในหลายค่าตัวชี้วัด แต่ในรายงานเดือนนี้ซึ่งเป็นเดือนที่ห้าของการสร้างการเรียนรู้ติดตามตรวจวัดคุณภาพน้ำ เราจะเล่าเฉพาะสารโลหะหนัก ที่ชื่อ “สารหนู” ที่ไม่ใช่สารกำจัดหนู 

“สารหนู” มันเป็นทั้งโลหะและอโลหะ พบในรูปสารประกอบทั้งอนินทรีย์และอินทรีย์ พบในธรรมชาติ ในดิน น้ำและหิน และจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งมีมากกว่าในธรรมชาติถึง 3 เท่า เช่น สารรักษาเนื้อไม้ สารกำจัดแมลง วัชพืช การถลุงแร่…
ในจุดที่สอง ท่าเรือติดแม่น้ำโขงใกล้องค์พระ “พระพุทธนวล้านตื้อ” (พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน) สามเหลี่ยมทองคำ เราตรวจวัดมาแล้ว 4 ครั้งเช่นกัน พบค่าสารหนูในครั้งแรก วันที่ 8 มิ.ย. 0.01 mg/l,ในครั้งที่สอง 6 ก.ค.และครั้งนี้ 6 ก.ย. อ่านพบค่าสารหนู 0.005 mg/l

เรามุ่งสู่จุดที่สามใต้สะพานแม่น้ำกก เมฆเริ่มรวมกันเป็นก้อน มีร่องรอยดินโคลนคราบระดับน้ำท่วมสูงสุดของเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว บนเสาสะพาน น้ำขุ่นข้น ไหลแรง ไม่มีเรือ มีร่องรอยหญ้าถูกน้ำท่วม มีโคลนมากแทบไม่มีเสียงนก มีแต่เสียงรถขับอยู่บนสะพาน ไม่ร้อนไม่เย็น มีลมเล็กน้อย มีต้นไมยะราบยักษ์ริมน้ำไม่กี่ต้น มีพุ่มไม้ 2-3 พุ่ม ส่วนใหญ่เป็นหินที่เรียงไว้ มีขยะลอยยน้ำเล็กน้อย เจอแมวชาวบ้าน 1 ตัว.. ในบันทึกของอาสาสมัครน้องหล้า ดช.บูดู และของพี่ๆเยาวชนแม่น้ำโขง ยังเขียนอีกว่า มีต้นไม้แห้งตาย มีโคลนเยอะ ร่องรอยเท้าสัตว์ โคลนละเอียด มีขยะกองอยู่ตามมุมต่างๆ..

ใต้สะพานแม่น้ำกก บ้านวังซาง ต.บ้านแซว อำเภอเชียงแสน ผลตรวจห้าครั้งไม่พบค่าสารหนูด้วยเครื่องมือของพวกเรา เรานำน้ำตัวอย่างมาตรวจวัดที่ใต้สะพานเสร็จแล้ว เดินทางต่อไปยังท่าน้ำบ้านสบกก ตรงปากน้ำใกล้ท่าเรือพานิชย์เชียงแสนแห่งที่ 2 ดอนช้างตายวางตัวอยู่ทางซ้าย เราลงไปเก็บน้ำขึ้นมาแล้วตรวจผล อ่านค่าจุดที่สามนี้ 

จุดท่าน้ำบ้านสบกกนี้เป็นจุดที่สี่ เราตรวจจำนวน 5 ครั้ง อ่านพบค่า 0.01 mg/l ในวันที่ 9 พ.ค., และอ่านพบค่า 0.005 mg/l ในวันที่ 6 ก.ค. ส่วนครั้งที่อ่านไม่พบค่า คือ เดือน มิ.ย. และเดือนส.ค. และเดือนนี้ 6 ก.ย.

เรามุ่งหน้าสู่จุดที่ ห้า ท่าน้ำหน้า รพสต.แม่เงิน บ้านปงของ ต.แม่เงิน อ.เชียงแสน บันทึกของนักเรียนของเราบอกว่า ฟ้าใส ไม่มีลม เมฆรวมตัวกันเป็นก้อน ร้อน ริมท่าน้ำมีต้นไม้ ฉำฉา ประดู่ ชาวบ้านมาตกปลา เด็กๆ ก็มาฝึกตกปลาที่ท่าน้ำด้วย มีขยะติดตามพุ่มไม้แห้งริมน้ำ มีขยะริมน้ำ มีเสียงนกร้อง น้ำไหลเชี่ยว มีปลา มีมดไต่บนหิน ริมฝั่งยังมีสีเขียวขจี มีแมลง…

เราวัดน้ำในจุดที่5 นี้มาห้าครั้ง อ่านพบค่า 0.01 mg/l ในครั้งที่ 1 วันที่ 9 พ.ค. และเดือนที่แล้ว 9 ส.ค. ในวันที่ 6 ก.ค. อ่านพบค่า 0.005 mg/l สิ่งนี้สร้างความตกใจให้เรามาแต่แรกแล้ว อย่างไรก็ตาม เราอ่านค่าไม่พบในการตรวจวัดครั้งนี้ 6 ก.ย.

สถานีที่ 6 คือคอนผีหลง ตรงข้ามปากน้ำยอน ตำบลริมโขง อ.เชียงของ มีการก่อสร้างผนังกั้นชายฝั่งโขงพังทลายในช่วงปีนี้ วันนี้คนคุมงานของแคมป์คนงานก่อสร้างแจ้งเราว่า เสร็จแล้ว เหลือเครียร์งานไม่มาก นักสืบน้อยของเราได้บันไดลงท่าน้ำตรงท่าหาดฮ้ายเยื้องกับปากแม่น้ำยอนที่เห็นเหมืองเล็กๆ ปากแม่น้ำ ครานี้ลงน้ำได้ง่ายกว่าเดือนก่อน มีหินเยอะ ทรายริมฝั่งหาดฮ้ายเหมือนมีกากเพชรแวววาว..

ผลการตรวจวัดค่าในห้าเดือนที่ผ่านมาจุดปากน้ำยอน-คอนผีหลงนี้อ่านพบค่า 0.01 mg/l ในวันที่ 9 พ.ค., วันที่ 8 มิ.ย. และวันที่ 9 ส.ค. ส่วนหนึ่งครั้งที่อ่านพบค่า 0.005 mg/l คือ วันที่ 6 ก.ค. สำหรับวันที่ 6 ก.ย. อ่านไม่พบค่า อย่างไรก็ดี สะท้อนการปนเปื้อนของสารหนูในจุดนี้อย่างชัดเจนคงอยู่มาสี่เดือน และสะสมเพิ่มมากขึ้น ทุกวันที่แม่น้ำยังคงไหล 

คอนผีหลง เป็นจุดที่มีเกาะแก่ง และระบบนิเวศที่ดี เป็นแหล่งน้ำลึกมีวังวางไข่ของปลาบึกปลาหนังน้ำจืดขนาดใหญ่ เป็นจุดสำคัญที่เรือสินค้าขนาดใหญ่ 500 ตันต้องการเปิดคอนน้ำออกเพื่อเอาเรือสินค้าจากจีนมายังหลวงพระบางของลาวได้ส่งสินค้าตลอดทั้งปี… 

จุดนี้เป็นพื้นที่ไข่แดงที่อุดมสมบูรณ์ในตลอดสองทศวรรษก่อน มาในทศวรรษนี้ บ้านอุดมสมบูรณ์ของปลาได้รับผลกระทบสะสมจากการขึ้นลงของน้ำให้เป็นไปไม่สอดคล้องกับฤดูกาลธรรมชาติแต่เป็นไปโดยการควบคุมของเขื่อนพลังงานไฟฟ้าทางต้นน้ำและการปล่อยปิดเปิดเพื่อการเดินเรือ…จนชุมชนชาวประมงพื้นบ้านแทบล่มสลาย ปรับตัวไปทางใดก็มืดมน…

วันนี้ ทศวรรษนี้ เราต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะปนเปื้อนสารโลหะหนักในน้ำประปาของเมืองและชุมชนริมฝั่งโขง เราดื่มกินอาบใช้จากน้ำประปาซึ่งมีแหล่งน้ำดิบมาจากแม่น้ำโขง… 

ผมกลับมาย้อนอ่านคู่มือนักสืบสารหนูในสารน้ำโขงว่า ผลกระทบสารหนูต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชวิต ทำให้แม่น้ำเสียระบบ นิเวศเปลี่ยน, สะสมในปลา หอย และส่งต่อในห่วงโซ่อาหาร, ส่งผลต่อพันธุ์สัตว์น้ำในระยะยาว. มีผลต่อมนุษย์และสัตว์ เข้าสู่ร่างกายได้ผ่านน้ำดื่ม อาหาร หรือลมหายใจ ในระยะสั้น : คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องร่วง มึนงง, ในระยะยาว : มะเร็งผิวหนัง, มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะ โรคไต เบาหวาน ความผิดปกติทางผิวหนัง

ในเอกสารทบทวนต่างๆ บอกข้อควรรู้ อีกว่า

เราพบว่า เราจะมีชีวิตที่เผชิญกับความยุ่งยากมากขึ้น และในขณะเดียวกันชาวประมงที่ยังหาอยู่หากินกับน้ำโขง ชาวเรือ ชาวแพ คนเลี้ยงปลาในกระชังในริมฝั่งโขง เกษตรกรริมฝั่งน้ำ  ชุมชนและเมืองริมฝั่งน้ำโขงเหล่านี้ต่างสูญเสียรายได้ คนไม่ซื้อปลา ไม่ซื้อข้าว หรือพืชพันธุ์ ต้องซื้อน้ำกินเพิ่มรายจ่าย จากความกลัวความปนเปื้อนสารหนู…

เรามีสิทธิที่จะเข้าถึงน้ำสะอาด ว่ายน้ำในแม่น้ำสะอาด เรามีสิทธิในการเข้าถึงปลาและแม่น้ำที่สมบูรณ์แข็งแรง ในการกินและมีชีวิตอยู่…นี่คือเหตุที่เราลุกขึ้นมาตรวจวัดติดตามคุณภาพแม่น้ำโขงกันซึ่งเราตรวจค่าตัวชี้วัดอื่นๆ ด้วย การสังเกตสภาพทั่วไปด้วยสายตา อุณหภูมิ (C°), ออกซิเจนละลายน้ำ DO (ppm.), ความเป็นกรด-ด่าง(pH), ของแข็งที่ละลายทั้งหมด (TDS), เกลือ Salinity (ppt), สารหนู(As) mg/l, แอมโมเนีย (Am : mg/l) แต่ในรายงานการไปวัด… คุณภาพน้ำจากสบรวกถึงแก่งผาไดโดยภาพรวมไปก่อน (รายงานฉบับสมบูรณ์เราจะนำเสนอครั้งต่อไป)

ผลการตรวจวัดค่าสารหนู ณ จุดที่ 7 บริเวณแพโฮงเฮียนแม่น้ำของ เหนือปั๊มสูบน้ำดิบการประปาส่วนภูมิภาคเชียงของ อ่านพบค่าทั้ง 4 ครั้งในการตรวจในห้าครั้ง 0.01 mg/l ในวันที่ 9 พ.ค.และวันที่ 9 ส.ค., อ่านพบค่า 0.005 mg/l ในวันที่ 8 มิ.ย.และในวันที่ 6 ก.ย., มีเพียงวันที่ 6 ก.ค. ที่อ่านค่าไม่พบ 

เมื่อลองมาดูการตรวจวัดจุดที่ 8  น้ำประปาจากก๊อกน้ำของการประปาเชียงของจากบ้านเรือน มาเปรียบเทียบ เราอ่านค่าพบ 0.005 mg/l เพียงครั้งเดียวในจำนวน 5 ครั้ง คือ วันที่ 9 พ.ค. อย่างไรก็ตาม เราได้แลกเปลี่ยนกันว่า จุดที่เลือกตรวจน้ำจากปากแม่น้ำสาขากับจุดที่น้ำมาผสมกับแม่น้ำโขงแล้ว​ เป็นจุดสำคัญที่เราใช้ในการเปรียบเทียบ ทั้งปากแม่น้ำรวก ปากแม่น้ำกก และคิดเห็นกันว่าจะขยายจุดการติดตามลงไปจนถึงปากแม่น้ำอิง​ ปากแม่น้ำงาว​ และผาได ในอำเภอเวียงแก่น

รุ่งเช้าวันที่ 6 ก.ย. เรา หมายถึง ผม, ดช.บูดู และพี่ไก่ ได้ร่วมติดตามคุณภาพน้ำขยายจุดมายัง ใต้สะพานอิงอุดม บ้านแต๋น ต.สถาน อ.เชียงของ ในบันทึกของเด็กน้อยบอกว่า ฟ้ามีเมฆมาก มีลมบ้าง บางทีร้อน บางทีเย็นสบาย ริมน้ำไม่มีต้นไม้ มีแต่หินที่เรียงไว้ น้ำดูขุ่น ไม่มีขยะลอยน้ำ มีปวกน้ำลอยน้ำมา น้ำไหลไม่แรง มีเสียงนก เสียงเขียดน่าจะโดนงูกิน เสียงไก่ มีเรือจอดเพียงลำพังหนึ่งลำที่ท่า มีร่องรอยดินโคลนบนขั้นบันไดจากน้ำท่วม ฝั่งตรงข้ามมีตลิ่งพัง…

เราเก็บน้ำตัวอย่างแล้วช่วยกันตรวจคุณภาพน้ำ ดช.บูดู รับผิดชอบการตรวจแอมโมเนียที่เขาทดลองทำกับพี่ๆ มาหลายครั้งแล้ว ส่วนผมรับผิดชอบตรวจหาค่าสารหนู จากใต้สะพานอิงอุดม, ท่าน้ำโขงบ้านปากอิงใต้, ท่าน้ำด่านผ่อนปรน บ้านแจ๋มป๋อง, ริมน้ำงาว หลังตลาดสี่แยกเวียงแก่น, ท่าน้ำบ้านห้วยลึก และแก่งผาได ซึ่งเราไม่พบค่าสารหนู นอกจากท่าน้ำแก่งผาได ที่อ่านค่าได้พบ 0.005 mg/l

ในขณะที่รอผลอยู่นี้ ผมได้คุยกับแม่เจ้าของร้านอาหารตรงผาไดกล่าวว่า นับแต่มีข่าวการปนเปื้อนของสารพิษไม่สามารถขายปลาได้และปลาก็หาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี เราจะแก้ปัญหานี้กันอย่างไรดีล่ะ?

สถานการณ์เช่นนี้บอกอะไรกับเรา? 

ผมลองเอาข้อมูลให้ A.I. เจ้าหนึ่งวิเคราะห์ดู และทำกราฟฟิกมาให้ดังภาพข้างล่าง

ผลการวิเคราะห์ค่าสารหนู (As) ในแหล่งน้ำ ระดับการปนเปื้อนตามจุดตรวจ ใช้เกณฑ์อ้างอิง

– WHO กำหนดค่า As ในน้ำดื่มไม่เกิน 0.010 มก./ล.

– ไม่พบ = ค่าสารหนูต่ำกว่าขีดจำกัดการตรวจวัด

– ปานกลาง (Moderate): 0.005–0.009 มก./ล.

– เกณฑ์ขีดเส้น (Borderline): เท่ากับมาตรฐานสูงสุด 0.010 มก./ล.

ความรุนแรงของการปนเปื้อน

• จุดที่มีค่าสารหนู 0.010 มก./ล. (จุด 2, 4, 5, 6, 7) ถึงระดับขีดเส้นแนวปลอดภัย ต้องพิจารณามาตรการด่วน

• จุดที่พบ 0.005 มก./ล. (จุด 1, 8) ยังอยู่ในระดับปานกลาง แต่ใกล้เกณฑ์สูงสุด จึงควรเฝ้าระวัง

• จุดที่ไม่พบสารหนู (จุด 3) มีความเสี่ยงต่ำในช่วงเวลาที่ตรวจ

แนวโน้มในช่วงหน้าแล้ง

• ปริมาณน้ำลดลง → การเจือจางสารเคมีลดลง ทำให้ค่าความเข้มข้น As มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

• อุณหภูมิสูงขึ้นและการระเหยมากขึ้น อาจกระตุ้นการปลดปล่อย As จากตะกอนสู่ชั้นน้ำผิวดิน

• การใช้แหล่งน้ำดิบ (จุด 7 และ 8) อาจยิ่งเน้นการสะสม หากไม่มีระบบกรองเพิ่มประสิทธิภาพ (และการตรวจสอบผลการตรวจวัดของการประปาส่วนภูมิภาคเชียงของ : ผู้เขียนเติมเข้าไปจากคำแนะนำของเยาวชนนักเรียนที่เข้าร่วมในแต่ละครั้ง ต่างสนใจที่จะเข้าชมเรียนรู้การตรวจวัดคุณภาพน้ำของการประปาส่วนภูมิภาคเชียงของว่าเป็นอย่างไรบ้าง)

• ในพื้นที่เหมืองขนาดเล็ก (จุด 6 ) การกัดเซาะสร้างเหมืองและขุดลอกหน้าดินช่วงแล้ง อาจเร่งให้ As ปล่อยตัวสู่แม่น้ำ

หากท่านอ่านมาจนถึงหน้านี้แล้ว ขอขอบคุณเป็นอย่างมาก ที่ติดตามรายงานการไปวัด… คุณภาพน้ำของนักเรียนเยาวชนและอาสาสมัครโฮงเฮียนแม่น้ำของ เดือนละครั้งเป็นเวลามาห้าเดือนแล้ว

ข้อมูลที่ได้ของเยาวชนแม่น้ำโขงสอดคล้องกับคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐาน 4 ใน 5 แห่งที่สุ่มตรวจในแม่น้ำโขง ในเดือน ก.ค. และจัดอยู่ในสถานการณ์ “ร้ายแรงระดับปานกลาง” มีความเข้มข้นของสารหนูสารกึ่งโลหะหนักปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานที่ระบุไว้ที่ 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร และหากเทียบกับการประเมินของเดือน พ.ค. 2568 โดยกรมควบคุมมลพิษของไทย ยังทำให้เห็นด้วยว่า ระดับสารหนูในแม่น้ำโขงมีค่าสม่ำเสมอที่ราว 0.025 มิลลิกรัม/ลิตร (https://www.bbc.com/thai/articles/c39z41j77rdo)

ซึ่งแหล่งที่มาคือเหมืองแร่ต่างๆ บนต้นน้ำกก ต้นน้ำสาย (ไหลลงน้ำรวก) ต้นน้ำยอง ต้นน้ำโหลย และต้นน้ำในเขตรัฐฉาน ของพม่า ซึ่งแม่น้ำเหล่านั้นไหลลงไปสู่ลุ่มน้ำโขงในประเทศตอนตอนล่างด้วย

ผมขอจบการรายงานด้วยผลการบันทึกของเด็กชาย บูดู ที่แก่งผาไดว่า

“ฟ้าเริ่มโปร่งใส ลมพัดเย็นสบาย ริมแม่น้ำไม่มีต้นไม้ เห็นเพียงต้นไม้ใหญ่ 1 ตน ส่วนใหญ่เป็นหญากับหินที่เรียงไว้ น้ำสีขุ่นข้น น้ำไหลแรง มีแก่งหิน มีน้ำวน มีร่องรอยโคลนกับต้นไม้ตาย แสดงถึงว่าน้ำลด ไม่มีขยะลอยน้ำ มีเสียงนก เสียงจิ้งหรีด เสียงน้ำไหลกระทบหิน..”

ส่วนที่ริมน้ำงาวหลังตลาดเวียงแก่น เขาบันทึกว่า “ฟ้าเริ่มมืด ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า เย็นสบาย ริมน้ำมีต้นไม้บ้าง ส่วนใหญ่เป็นขนาดเล็ก (พืชริมน้ำ) ตายจำนวนมาก มีร่องรอยโคลนจากน้ำท่วมในปีนี้ ลุงคนหนึ่งเอาเศษอาหารที่เหลือจากการขายมาให้ปลากิน ลุงบอกว่า ปีนี้น้ำท่วมตลาดสูง 1 ฝ่ามือ ปีที่แล้วถึงเอวผู้ใหญ่ (ส.ค.-ก.ย.2567) (ยัง) มีเสียงนก รถ จิ้งหรีด…”

รายงานโดย นพรัตน์ ละมุล

สนับสนุนกิจกรรมเยาวชนแม่น้ำโขง สถาบันองค์ความรู้ท้องถิ่นโฮงเฮียนแม่น้ำของ ได้ที่

Share/แชร์

Leave a Reply